การคาดการณ์จังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตลาด เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยระบุจุดเข้าสู่แนวโน้มให้แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อเทรดทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา และแน่นอนว่า หนึ่งในวิธีการยอดนิยมในการจับจังหวะแนวโน้ม คือ การอ่านกราฟเพื่อคาดการณ์รูปแบบกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น ในบทความนี้ เราจะมากล่าวถึงรูปแบบการกลับตัวยอดนิยมของแท่งเทียนที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทราบ
แต่ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับการกลับตัวของแนวโน้มในรูปแบบต่างๆ นั้น เรามาทำความรู้จักกับประเภทของกราฟราคากันก่อน
กราฟราคาหรือ Chart ถือว่าเรื่องพื้นฐานที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ควรทราบ เทรดเดอร์สายวิเคราะห์ทางเทคนิคมักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของราคาและ
ทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นก็มาจากกราฟราคานั่นเอง
กราฟราคาแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) กราฟแท่ง (Bar Chart) และกราฟเส้น (Line Chart) แต่รูปแบบกราฟซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป จะมีอยู่ 2 แบบ คือ กราฟแท่งเทียนและกราฟแท่ง
รายละเอียดของกราฟทั้ง 3 ประเภท มีดังต่อไปนี้
กราฟแท่งเทียนคืออะไร
กราฟแท่งเทียนหรือ Candlestick Chart คือ กราฟราคาประเภทหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในหนึ่งแท่งเทียนจะแสดงราคาเปิด (Open) ราคาสูง (High) ราคาต่ำ (Low) และราคาปิด (Close) หรือ OHLC ของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง เทรดเดอร์จะใช้รูปแบบแท่งเทียนในการอ่านทิศทางราคาและประเมินอารมณ์ผู้เล่นในตลาดหรือ พฤติกรรมการซื้อขาย จะเห็นได้ว่าลักษณะของกราฟ มีความคล้ายกับแท่งแทียน ซึ่งคำที่ใช้เรียกหรือ Candle แปลว่าเทียนนั่นเอง
กราฟแท่งเทียนช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจรูปแบบพฤติกรรมของราคา อารมณ์ของตลาด และสามารถนำมาประกอบการตัดสินใจในการเทรด การอ่านรูปแบบแท่งเทียนทำให้เราทราบ แรงซื้อและแรงขายในตลาด ช่วยให้เข้าใจว่า กำลังของฝั่งซื้อหรือฝั่งขายมีมากกว่า ฝั่งไหนที่มีความรีบร้อนกระตือรือร้นอยากลงมือซื้อขายมากกว่า เมื่อเราอ่านอารมณ์ของตลาดออกแล้ว เราก็จะสามารถตัดสินใจได้ว่า ควรจะลงมืออย่างไรต่อไป
กราฟในรูปแบบแท่งเทียนนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนจากพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งได้เก็บประวัติและสถิติ แล้วกำหนดให้อยู่ในรูปแบบแท่งเทียน เพื่อนำไปคำนวนศึกษาหาแนวโน้มต่างๆ และนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ ก่อนที่จะกลายเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา
กราฟแท่งคืออะไร
กราฟแท่งหรือ Bar Chart เป็นกราฟที่แสดงราคาหลายราคาในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยในแต่ละแท่งนั้น จะแสดงให้เราทราบว่า ราคาเคลื่อนไหวอย่างไรในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปแล้ว แต่ละแท่งจะแสดงราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิด (OHLC) ซึ่งคล้ายกับกราฟแท่งเทียน แต่มีข้อแตกต่างคือรูปแบบของกราฟแท่งเทียนนั้นจะมีตัวเทียน (Real Body) แต่กราฟแท่งจะไม่มีตัวเทียน นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับให้กราฟแท่งแสดงเฉพาะราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิด (HLC) นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้กราฟนี้เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของราคา
กราฟเส้นคืออะไร
กราฟลายเส้น หรือ Line Chart เป็นกราฟที่ไม่แสดง ราคาเปิด ราคาต่ำ ราคาสูง โดยกราฟลายเส้นนั้นจะเชื่อมต่อกันด้วยราคาปิด จึงทำให้กราฟลายเส้นนั้นไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ เนื่องจากข้อมูลที่แสดงอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์เท่าใดนัก แต่ก็มีเทรดเดอร์บางท่านอาจใช้กราฟเส้นในการลากเส้นแนวโน้ม
เราก็ได้ทำความรู้จักประเภทของกราฟทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว ในบทความนี้ เรามาจะกล่าวถึงการอ่านกราฟในรูปแบบแท่งเทียนซึ่งได้รับความนิยมสูง และจะช่วยในการระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและการเคลื่อนไหวของราคา สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านแท่งเทียน เราขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับส่วนประกอบของแท่งเทียน โดยมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้
ส่วนประกอบของแท่งเทียน มีดังต่อไปนี้
ราคาเปิด (Open Price) คือ ราคาซื้อขายแรกของช่วงเวลาที่กำหนด
ราคาสูงสุด (High Price) คือ การเคลื่อนไหวของราคา ณ ระดับราคาสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด
ราคาต่ำสุด (Low Price) คือ การเคลื่อนไหวของราคา ณ ระดับราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด
ราคาปิด (Close Price) คือ ราคาซื้อขายสุดท้ายของช่วงเวลาที่กำหนด
หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว แสดงให้เห็นว่าราคาเป็นขาขึ้น
หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดง แสดงให้เห็นว่าราคาเป็นขาลง
กราฟ OHLC ซึ่งมาจากอักษรขึ้นต้นของราคาต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น สามารถนำมาใช้แสดงข้อมูลในกรอบเวลาต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
ยกตัวอย่างเช่น หากใช้กับกรอบเวลา 5 นาที กราฟแต่ละแท่ง จะแสดงราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิดภายในช่วงเวลา 5 นาที หากใช้เป็นกราฟรายวัน ก็จะแสดงราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิดในแต่ละวัน
แท่งเทียนมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. แท่งเทียนขาขึ้น หรือ Bullish Candlestick ลักษณะของแท่งเทียนขาขึ้น ราคาปิดจะอยู่สูงกว่าราคาเปิด
2. แท่งเทียนขาลง หรือ Bearish Candlestick ลักษณะของแท่งเทียนขาลง ราคาปิดจะอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด
3. โดจิ หรือ Doji ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเป็นราคาเดียวกัน หรือ อยู่ใกล้กันมาก
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้น การกลับตัว คือ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบกราฟ จากแนวโน้มก่อนหน้าไปเป็นแนวโน้มใหม่ โดยทั่วไปแล้ว หากจุดสูงสุดของแนวโน้มต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า เราเรียกการกลับตัวในลักษณะนี้ว่า รูปแบบกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Pattern) ในทางตรงกันข้าม หากจุดต่ำสุดของแนวโน้มสูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า เราเรียกการกลับตัวในลักษณะนี้ว่า รูปแบบกลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) อย่างไรก็ตาม รูปแบบการกลับตัวบางรูปแบบนั้น ค่อนข้างมีความซับซ้อนในรายละเอียด
รูปแบบของแท่งเทียนสำหรับอ่านกราฟนั้นมีอยู่มากมาย และคงเป็นเรื่องยากสำหรับเทรดเดอร์ในการจดจำรูปแบบทั้งหมด ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมตัวอย่างรูปแบบของแท่งเทียนที่สำคัญ 8 แบบ ซึ่งพบบ่อยที่สุดและสามารถนำมาใช้ได้จริง ดังต่อไปนี้
Piercing Pattern เป็นรูปแบบการกลับตัวขาขึ้น สังเกตได้จากแท่งเทียนสีแดงที่มีความยาวระดับหนึ่ง ตามด้วยแท่งเทียนสีเขียวที่มีสามารถปิดราคาได้สูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งสีแดง บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวที่มีความรุนแรง ซึ่งหมายถึง อาจมีกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาลงเป็นขึ้นได้
Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบการกลับตัวขาลง โดยเริ่มจากเป็นแนวโน้มขาขึ้นมาก่อน และเกิดแท่งเทียนสีเขียว และแท่งเทียนถัดมาเป็นแท่งเทียนสีแดงยาวที่มีราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งสีเขียวก่อนหน้า ข้อสำคัญ คือ แท่งเทียนสีแดงจะต้องปิดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเทียนในแท่งเทียนสีเขียว
Doji (โดจิ) คือ ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเป็นราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน การที่ราคาเปิดกับราคาปิดเป็นราคาเดียวกันตีความได้ว่า ทั้งฝั่งแรงซื้อและฝั่งแรงขายยังมีความสับสนในทิศทางของราคา เป็นสัญลักษณ์ของการกลับตัวจากขึ้นเป็นลง หรือลงเป็นขึ้น เพื่อความแน่นอนควรรอดูแท่งเทียนถัดไปเพื่อยืนยันอีกครั้ง
Engulfing Pattern มี 2 แบบคือ Engulfing Bullish และ Engulfing Bearish
Engulfing Bullish คือ สภาวะตลาดขาลงจะมีแท่งสีแดงเป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดแท่งใหม่แล้วราคาเปิดของแท่งสีเขียวอยู่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งสีแดง และราคาปิดของแท่งสีเขียวสูงกว่าราคาเปิดของแท่งสีแดง แสดงให้เห็นถึงการกลับตัวจากรูปแบบขาลงไปเป็นรูปแบบขาขึ้น
Engulfing Bearish คือ สภาวะตลาดขาขึ้นจะมีแท่งสีเขียวเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเกิดแท่งใหม่แล้วราคาเปิดของแท่งสีแดงอยู่สูงกว่าราคาปิดของแท่งสีเขียว และราคาปิดของแท่งสีแดงต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งสีเขียว แสดงให้เห็นถึงการกลับตัวจากขึ้นไปเป็นลง
รูปแบบแท่งเทียน Morning Star จะพิจารณาแท่งเทียน 3 แท่ง รูปแบบนี้ใช้ดูการกลับตัวของกราฟจากขาลงเป็นขาขึ้น จะประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงยาว ซึ่งเป็นแท่งเทียนขาลงและตามด้วยแท่งเทียนสั้นที่มีราคาเปิดปิดใกล้เคียงกัน ถัดจากแท่งเทียนสั้นตรงกลาง จะตามด้วยแท่งเทียนสีเขียว โดยที่แท่งเทียนสีเขียวจะปิดราคาสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนสีแดง
รูปแบบแท่งเทียน Evening Star จะตรงกันข้ามกับ Morning Star รูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีเขียวยาว และตามด้วยแท่งเล็กสีแดง ที่เกิดการกระโดดขึ้นไปอยู่บนยอด (gap) และมีขนาดเล็ก ราคาเปิดและปิดของแท่งเทียนที่สองจะอยู่ใกล้เคียงกัน ถัดจากนั้นเป็นแท่งที่สามซึ่งเป็นแท่งสีแดงยาว แสดงถึงการกลับตัวจากขึ้นเป็นลง
เกิดขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลงซึ่งมีแท่งเทียนสีแดงขาลงหลายแท่ง จากนั้นราคาได้ดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด โดยลักษณะของแท่งเทียนจะคล้ายกับตะปู ซึ่งราคาปิดจะปิดสูงกว่าราคาต่ำสุดโดยปิดอยู่ในช่วงบนของแท่งเทียน ลักษณะนี้เราจะเรียกว่า Hammer ซึ่งสามารถอธิบายแท่งเทียนได้ว่า หลังจากราคาเปิดของแท่งเทียน แรงขายเป็นฝั่งควบคุมการซื้อขายในตลาด จึงทำให้ราคาลดต่ำลง แต่สุดท้ายมีแรงซื้อกลับเข้ามามาก จึงเป็นฝั่งควบคุมตลาดแทนฝั่งขาย ทำให้ราคาปิดอยู่ในช่วงบนของแท่งเทียน รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนนี้ช่วยให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า ราคากำลังจะเปลี่ยนจากแนวโน้มขาลงกลายเป็นแนวโน้มขาขึ้น
รูปแบบแท่งเทียน Hanging Man จะคล้ายกับ Hammer แต่จะเกิดกับแนวโน้มขาขึ้น หากเกิดรูปแบบ Hanging Man กราฟกำลังจะบอกเราว่า แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนจากขาขึ้นกลายเป็นขาลง ให้รอสัญญาณยืนยันจากแท่งเทียนขาลงอีกแท่ง
Harami มีรูปแบบอยู่ 2 ประเภทดังนี้
รูปแบบแท่งเทียน Harami เป็นรูปแบบที่แสดงถึงความเร่งรีบที่ลดลงของฝั่งที่ควบคุมตลาด
Bullish Harami เป็นการเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง โดยแท่งเทียนแท่งแรกจะเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีลำตัวของแท่งเทียนยาว ราคาปิดของแท่งเทียนแรกปิดใกล้กับราคาต่ำสุด แปลว่าในแท่งเทียนแท่งแรก แรงขายยังมีความรีบร้อนในการขายและเป็นฝั่งที่สามารถควบคุมตลาดได้ ส่วนแท่งเทียนถัดมาเป็นแท่งเทียนสั้น ซึ่งแปลความหมายได้ว่าแรงขายเริ่มลดความร้อนแรงในการขายลง จึงซื้อขายในช่วงราคาแคบๆ
Bearish Harami แสดงถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง จะมีรูปแบบตรงกันข้ามกับ Bullish Harami โดยจะเป็นแท่งเทียนขาขึ้นสีเขียว ถัดจากการปิดตัวลงของแท่งเทียน จะเป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดเล็ก โดยแท่งเทียนสีแดงอยู่ระหว่างตัวเทียนของแท่งเทียนสีเขียว
รูปแบบของแท่งเทียน Shooting Star จะเกิดขึ้นในช่วงตลาดขาขึ้น ซึ่งบอกให้เราทราบว่า แนวโน้มขาขึ้น กำลังจะเป็นขาลง แท่งเทียนแท่งแรกเป็นแท่งเทียนขาขึ้น ตัวเทียนมีขนาดเล็ก โดยมีไส้เทียนด้านบนยาวกว่าตัวเทียนอย่างน้อย 2 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีแรงซื้อพยายามดันราคาให้ขึ้นไป แต่ก็มีแรงขายเข้ามามากจนกดดันราคาลงมาให้ปิดต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนทิศทาง รูปแบบนี้จะบ่งบอกว่า กราฟกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นมาเป็นแนวโน้มขาลง
MetaTrader 5 เป็นแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยมในปัจจุบัน ซึ่งคุณสามารถกำหนดค่าเพื่อเลือกใช้ในภาษาไทยได้ ในส่วนนี้เราจะมาดูวิธีการตั้งค่ารูปแบบกราฟ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่ขั้นตอน
3. คุณสามารถกำหนดค่าการแสดงผล สีแท่งเทียน มาตราส่วน และอื่นๆ ได้โดยการคลิกขวาแล้วเลือกคุณสมบัติดังภาพ
จากนั้นคุณจะพบหน้าต่างตัวเลือกสำหรับกำหนดค่า
3.1 คุณสามารถกำหนดรูปแบบกราฟ การเลื่อนของกราฟ รวมไปถึงมาตรส่วนได้ภายในแถบทั่วไป
3.2 ถัดมาภายในแถบแสดง คุณสามารถเลือกกำหนดว่า ต้องการให้กราฟของคุณแสดงข้อมูลใด
3.3 นอกจากนี้ คุณสามารถกำหนดสีให้กับแท่งเทียนและองค์ประกอบอื่นๆ ได้ในแถบสี
4. กด OK เมื่อคุณกำหนดค่าทั้งหมดตามต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เท่านี้กราฟของคุณก็จะแสดงผลตามรูปแบบที่คุณกำหนด